วันจันทร์, 6 พฤษภาคม 2567

บางคนทำงานมากกว่า 10 ชม.ต่อวัน เดินทางอีก 2 ชม. แต่ความสัมพันธ์ล้มเหลว

24 ก.ย. 2022
138

บางคนทำงานมากกว่า 10 ชม.ต่อวัน เดินทางอีก 2 ชม. แต่ความสัมพันธ์ล้มเหลว

คนเราจะมีประสิทธิภาพในการทำงานแค่ช่วง 4–6 ชั่วโมงต่อวัน เพราะฉะนั้นประมาณ 2 ชั่วโมงที่เหลือ เราควรจะสลับทำอะไรอย่างอื่นบ้าง

มันจะมีอารมณ์ประมาณว่า วันนี้เราว่าเรามาทำงานเช้า แต่เจอคนมาเช้ากว่า หรือกำลังจะกลับบ้าน แต่ยังมีคนนั่งทำงานอยู่ ยิ่งเป็นคนในทีมเดียวกัน หรือทำ project เดียวกัน จะมีใครมองว่าทำไมขยันไม่เท่ากันหรือเปล่า การที่บริษัทมีโอที ก็เหมือนสนับสนุนให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในองค์กร ไม่ยอมผลักดันให้พนักงานเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาด อะไรที่ผิดก็ยังคงผิดซ้ำๆ ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นวัฒนธรรม

“ที่นี่เค้าทำงานดึกกัน”, “จะรีบกลับบ้านไปไหน” หรือ “ไม่เสร็จเดี๋ยวค่อยต่อโอทีเอา”

ในโลกใบนี้คนทำงานมีหลากหลายแบบ บางคนอุทิศให้กับงานเป็นหลัก ทำงาน 10 ชั่วโมงต่อวัน เดินทาง 2 ชั่วโมงต่อวัน แต่ความสัมพันธ์ล้มเหลว ไม่มีเรื่องอื่นในชีวิตนอกจากเรื่อง…งาน! คนบางคนใช้ชีวิตแบบสุดโต่งมาก บางคนเป็นพนักงานระดับตำนานของบริษัท ทำงานหนัก ดื่มหนักมากๆ และเคยละเลยชีวิตครอบครัวอยู่หลายสิบปี

คำว่า…สมดุลชีวิตและงาน ไม่ใช่การที่บริษัทให้อิสระในการแต่งตัว ไม่ใช่การอนุญาตให้ใส่กางเกงยีนไปทำงานได้ นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญในทารทำงานที่ยืดหยุ่น แต่สมดุลที่แท้จริงคือ จะทำอย่างไรให้พนักงานแต่ละคนมีความสุขกับหน้าที่ที่ตัวเองได้รับ และเรื่องรองลงมาคือทำยังไงให้พนักงานทุกคนที่ทำงานร่วมกันอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข นี่คือต้นตอของปัญหาที่แท้จริง

ในฐานะพนักงาน ต้องออกแบบชีวิตของตัวเอง ต้องยอมรับความจริงว่ารัฐบาลหรือแม้แต่บริษัทก็ไม่สามารถรับผิดชอบการใช้ชีวิตที่สมดุลของคุณได้ 100% คุณต้องเป็นคนกำหนดเอง ถ้าคุณไม่ออกแบบชีวิตของคุณเอง ใครซักคนหรือบริษัทก็จะออกแบบเอาไว้ให้คุณเดินตาม แต่อย่าเพิ่งใจร้อนเราไม่ได้บอกให้คุณลาออก แค่คุณต้องมีขอบเขตในการทำงานมากขึ้น

ทบทวนชีวิตกันสักนิดก่อนดีไหม ว่าถ้าหากไม่ใช่เรื่องงานแล้ว ชีวิตของเรามีอะไรที่สำคัญอีกมั้ย บางคนไม่มีเลยนะ! ลูกๆย้ายออกจากบ้านแล้ว, ภรร ย าขอหย่า, สุขภาพย่ำแย่, เพื่อนก็ไม่มี! …ชีวิตคนเรามันต้องเดินทางสายกลาง ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม ได้พาหมาไปเดินเล่น ได้พาลูกไปโรงเรียน ไปดินเนอร์กับภรร ย า และได้กลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่บ้าง สิ่งเหล่านี้ควรมีอยู่ในชีวิตเราด้วย

Graphic design and color swatches and pens on a desk. Architectural drawing with work tools and accessories.

เราต้องเข้าหาสมดุลด้วยวิธีการที่สมดุล… การเป็นทาสออฟฟิศที่ทำงาน 10 ชั่วโมงต่อวันไม่ได้เพิ่มความสมดุล อย่าลืมให้ความสำคัญด้านอารมณ์ และด้านจิตวิญญาณด้วย แล้วความสมดุลในชีวิตของคุณล่ะ เป็นยังไงบ้าง… ถ้าคุณยังไม่มีลูกคุณสามารถใช้เวลากับพ่อแม่ให้มากขึ้น อาจเริ่มไปฟิตเนส หรือไปวิ่งตามสวนสาธารณะทุกวันหยุด หรืออ ย ากไปหาเพื่อนบ้างมั้ย

การสร้างสมดุลในชีวิตบางทีก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างมากในชีวิต แค่ปรับอะไรเล็กน้อยในที่ซึ่งเหมาะสมแล้วทำให้ชีวิตดีขึ้นในทางใดทางหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ สุขภาพ หรือความสุข คุณน่าจะได้พบนิ ย ามความสำเร็จในชีวิตแบบใหม่ที่มีคุณค่าต่อชีวิตมากกว่าก็ได้

ถึงกฎหมายแรงงานจะบอกว่า “นายจ้างต้องจ่ายค่าโอทีหากลูกจ้างทำงานล่วงเวลา” แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เราควรจะทำโอที ไม่ว่าจะเพื่อเงิน หรือเพื่ออะไรก็แล้วแต่ ทำไมล่ะ ถ้างานๆนึงควรจะใช้เวลา 100 ชั่วโมง แต่ถ้าเราแอบทำงานนอกเวลา ด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม กลายเป็นว่างานๆนี้จริงๆแล้วถึงแม้จะเสร็จทันเวลา แต่ก็ใช้เวลาเกิน ก็จะมีชั่วโมงทำงานแอบแฝง (hidden hours) อยู่ใน report

บางคนบอกว่า เพราะบ้านอยู่ไกลเลยต้องออกมาพร้อมกับคนที่บ้านแต่เช้า หรือหนีรถติดช่วงเลิกงานเลยกลับดึกดีกว่า ทำให้บางคนจำเป็นต้องมาเช้า หรือไม่ก็จำเป็นต้องอยู่ดึก ลองหาอะไรอย่างอื่นทำบ้าง ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมที่เกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับงานก็ได้ เข้า fitness ออกกำลังกาย กิจกรรมอื่นๆ มันต้องมีสักอย่างแหละที่เติมเต็มวันของเราได้มากกว่าการ “ก็ไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยนั่งทำงานดีกว่า” จริงไหมคะ

ขอบคุณแหล่งที่มา

เรียบเรียงโดย ปริญญาชีวิต

www.parinyacheewit.com