วันอาทิตย์, 19 พฤษภาคม 2567

ได้เกียรตินิยมจุฬา“แม้ตามองไม่เห็น”เจ้าของผลงานรางวัลหนังสือดีเด่น!

เจ้าของผลงานรางวัลหนังสือดีเด่น ได้เกียรตินิยมจุฬา แม้ตามองไม่เห็น

วันนี้ปริญญาชีวิตมีเรื่องราวดีๆ มาเล่าสู่กันฟังอีกแล้วค่ะ หากใครได้อ่าน ก็อาจจะได้รับแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตไปบ้าง

พูดถึงคนตาบอด หรือผู้พิการทางสายตา เราเคยคิดไหมคะว่าเขาใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไรในขณะที่เขามองไม่เห็น แม้ปัจจุบันเทคโนโลยีจะพัฒนาและก้าวหน้าไปมาก มีหนังสือ หรืออุปกรณ์หลายอย่างที่ถูกออกแบบมาให้คนตาบอดสามารถใช้งานร่วมกับเราได้ แต่แอดมินว่ามันก็ไม่ได้สะดวกสบายเท่าการที่ตาเรานั้นมองเห็นหรอก

เพื่อน ๆ อาจจะเคยคิดกันว่า หากเรามองไม่เห็น หรือมีความบกพร่องทางด้านสายตา ก็จะทำให้เราใช้ชีวิตอย่างยากลำบากและทำอะไรหลาย ๆ อย่างไม่ได้ด้วย แต่สำหรับ พลอย สโรชา กิตติสิริพันธุ์กลับไม่เป็นเช่นนั้นเลย

เรื่องราวของพลอย สโรชา ผู้พิการทางสายตา แต่สามารถเรียนจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจุฬาฯ และจบปริญญาโทสาขาจิตวิทยา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้อย่างภาคภูมิ

แถมยังเป็นเจ้าของหนังสือที่ได้รับรางวัลหนังสือดีเด่นอีกด้วย

ผลงานวรรณกรรมร่วมสมัยที่ได้รับรางวัลของเธอได้แก่

– “จนกว่า เด็กปิดตา จะโต”

หนังสือเล่มนี้เป็นบันทึกส่วนตัวของเธอ ที่เขียนสม่ำเสมอ มาตลอดเกือบ 2 ปีเต็ม มุมมองต่างๆ บทเรียนที่เธอได้รับในการดำเนินชีวิต ความนึกคิดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและมุมมองต่างๆ ที่เธอได้จากการไตร่ตรองคิดว่าควรทำหรือไม่ควรทำอะไร

หนังสือเล่มนี้ ได้ รับรางวัลชมเชย กลุ่มหนังสือสำหรับเด็กวัยรุ่น อายุ 12-18 ปี (สารคดี) ในปี 2559

– “ก ไก่เดินทาง นิทานระบายสี”

หนังสือเล่มนี้ ได้รับรางวัล ชมเชย หนังสือสารคดี หนังสือดีเด่น ประจำปี 2560

นอกจากนี้ยังมีหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ชื่อเรืองว่า “เห็น” ซึ่งเป็นแนวคิดมุมมองของคนที่มองไม่เห็น

พลอยมักจะเผยความรู้สึกของตัวเองผ่านบันทึกและลั่นออกมาเป็นหนังสือ เธอคิดว่าการที่เธอตาบอดนั้น เหมือนเธอเป็นคนที่ถูกเลือก ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง แต่มันก็ทำให้เธอได้สัมผัสถึงความกลัว และความเชื่อที่ผิดๆ มาแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอได้สัมผัสและมองไม่เห็นคือความรัก ความเข้าใจ ซึ่งได้จากครอบครัว

ถึงแม้ว่าน้องพลอยจะมีความพิการทางด้านสายตา แต่เธอก็ไม่เคยคิดโทษโชคชะตา หรือจมอยู่กับความเศร้าเลย เพราะทุกอย่างที่เป็นทำให้น้องพลอยได้เรียนรู้และเข้าใจถึงคุณค่าของการใช้ชีวิตมากยิ่งขึ้น

ทุกครั้งที่ท้อ หรือรู้สึกแย่ มันเหมือนเป็นการสร้างกำแพงขึ้นมากันเธอไว้ แต่สุดท้าย เธอก็มีความความคิดว่า

“มันไม่ใช่แค่การมองไม่เห็นหรอก ที่ทำให้หลายๆ เรื่องเป็นเรื่องยาก แต่ความเชื่อว่าการมองไม่เห็นต่างหาก คือต้นเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เรารู้สึกแย่และปิดกั้นตัวเองเอาไว้”

“รอยยิ้ม ช่วยทำให้หน้าตาของเราคล้ายกัน”

ขอบคุณข้อมูลจาก : www.arts.chula.ac.th, FB : สโรชา กิตติสิริพันธุ์, goodlifeupdate

ภาพจาก FB : สโรชา กิตติสิริพันธุ์

www.parinyacheewit.com