วันอาทิตย์, 19 พฤษภาคม 2567

นับถือใจน้อง ม.4 อยากได้รองเท้าคู่ละหมื่น พ่อไม่ซื้อให้ เลยไปปิ้งลูกชิ้นขาย

นับถือใจน้อง ม.4 อยากได้รองเท้าคู่ละหมื่น พ่อไม่ซื้อให้ เลยไปปิ้งลูกชิ้นขาย

ก่อนเข้าเรื่อง จำได้ว่าเมื่อก่อน ตอนยังเป็นเด็ก ที่บ้านยากจนมาก เวลาอยากได้อะไรแต่ละอย่างต้องจำเป็นจริงๆ ครอบครัวถึงจะซื้อให้ ต่างกับเด็กในยุคปัจจุบันส่วนใหญ่ อยากได้อะไรก็เพียงแค่เรียกร้องเอา ดิ้นเอา มีลูกเหมือนมีเทวดา พ่อแม่ต้องตามใจไม่งั้นก็จะเตลิดเปิดเปิง สอนไม่ได้ ไปโรงเรียนครูก็ตีไม่ได้ นั่นก็ขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนพวกเขาเหล่านั้น เด็กจะโตมาเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับพื้นฐานครอบครัวโดยแท้จริง

วันนี้ปริญญาชีวิตได้อ่านเรื่องราวของน้องคนหนึ่ง ที่ถือเป็นบุคคลตัวอย่างของเด็กสมัยนี้ก็ว่าได้ สำหรับ นายกิตติธัช วันกุมภา หรือ น้องริว อายุ 15 ปี ชาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ที่ใช้เวลาว่างให้เกิดประ โ ย ช น์ ด้วยการมาตั้งร้านจำหน่ายลูกชิ้นปิ้งในชื่อ “ตี๋น้อย โอตือ” เพื่อหารายได้เป็นทุนการศึกษา และของใช้ส่วนตัว ช่วยลดภาระผู้ปกครอง

อยากให้เรื่องราวของน้องริว เป็นแรงบันดาลใจให้น้องๆ หนูๆ รู้จักเก็บเงินและหาเงินซื้อของที่อยากได้ด้วยน้องริวเอง เหมือนน้องริวนะคะ

เดิมทีที่บ้าน ข า ยก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นหมู “โอตือ” ที่พ่อเป็นผู้คิดค้นสูตรเอง

อยากรู้ไหมคะว่าอยู่ดีๆ เด็กที่ฐานะทางบ้านก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ เขาจะคิดอยากมาขายลูกชิ้นทำไม

เรื่องของเรื่องคือ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเกิดรู้สึกถูกใจกับรองเท้ากีฬายี่ห้อดังคู่หนึ่ง ที่มีราคาสูงถึงหลักหมื่นบาท ก็เลยไปขอพ่อเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้พ่อไม่ซื้อให้

พ่อกลับแนะนำแนวทางการดำเนินชีวิต และใช้เวลาหลังเลิกเรียนให้เกิดประโยชน์ บอกให้นำลูกชิ้นหมูของครอบครัวไปต่อยอดเพิ่มมูลค่า โดยมีข้อแม้ว่าน้องริวต้องลงทุนซื้อวัตถุดิบ และลงมือ ข า ยเองทั้งหมด นั่นจึงเป็นที่มาของการทำงานหารายได้พิเศษเพิ่มเติม

ดังนั้น น้องริวจึงตัดสินใจเปิดร้านเล็ก ๆ ที่เป็นแบบรถเข็น แล้วนำลูกชิ้นมาปิ้ง ข า ย เพื่อนำรายได้ไปซื้อของรองเท้าที่อยากได้

แต่เดิมเคยตื่น O7.OO น. ก็ต้องเปลี่ยนมาเป็น O6.OO น. เพื่อเตรียมวัตถุดิบ เสียบไม้ลูกชิ้น และทำน้ำจิ้ม เตรียมทุกอย่างเอาไว้ด้วยตัวเอง เสร็จแล้้วถึงไปโรงเรียน

ตอนกลางวันจะรีบทำการบ้านและทบทวนหนังสือ และรีบมาขายลูกชิ้นหลังเลิกเรียนจนถึง 2 ทุ่ม แต่ละวันน้องริวจะ ข า ยได้กว่า 25O ไม้

“ที่ผ่านมาเป็นคนเรียนไม่เก่ง จึงไม่เคยคิดฝันว่าในอนาคตอยากจะเป็นหรือทำอาชีพอะไร แต่จากประสบการณ์ในครั้งนี้ นอกจากจะสอนให้น้องริวรู้คุณค่าของเงินแล้ว ยังทำให้น้องริวมีมุมมอง ความคิด และเป้าหมายในการดำเนินชีวิตใหม่ ๆ ด้วย”

และเหตุการณ์ก็เปลี่ยนไป น้องเก็บเงินได้มากแล้วแต่กลับเปลี่ยนความคิด ไม่เอาเงินไปซื้อรองเท้าแล้ว เพราะคิดว่ามัน “แพงไป” เก็บไว้ใช้ในเรื่องที่มีประโยชน์จะดีกว่า

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถไปอุดหนุนได้ที่ร้าน “ตี๋น้อย โอตือ” ตั้งอยู่ริมถนนหอนาฬิกา เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

เกร็ดความรู้ นอกจากเรื่องเรียนแล้ว เด็กควรทำงานพิเศษหรือไม่

สิ่งที่หลายคนมองข้ามไปก็คือ การทำงานพาร์ทไทม์นั้นให้อะไรมากกว่านั้น ซึ่งอาจจะมีประโยชน์ไม่น้อยเลยด้วยเมื่อถึงเวลาต้องสมัครงานหลังเรียนจบ ส่วนจะมีอะไรบ้าง อ่านกันต่อด้านล่างเลย

1 มีรายได้พิเศษ ซึ่งสามารถช่วยแบ่งเบาค่าใช้จ่ายในครอบครัว หรือใช้สำหรับซื้อสิ่งของต่าง ๆ โดยไม่ต้องรบกวนเงินจากทางบ้าน

2 มีประสบการณ์การทำงานพาร์ทไทม์จะเป็นประโยชน์มากเมื่อถึงเวลาที่เรียนจบและต้องสมัครงานจริง ๆ

3 มีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะจะต้องทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย

4 ได้เรียนรู้ทักษะต่าง ๆ ที่จำเป็นในการทำงาน

5 ได้รู้จักคนที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งอาจจะมีประโยชน์เมื่อถึงเวลาที่เราต้องหางาน พวกเขาอาจจะแนะนำงาน หรือเป็นบุคคลอ้างอิงให้กับเราได้

อ้างอิง : kaijeaw, ข่าวช่อง 8, jobthai

เรียบเรียงโดย ปริญญาชีวิต

www.parinyacheewit.com